บทที่2

มีนิทานเล่าขานกันมาว่า  มีครอบครัวสามครอบครัว คือ ครอบครัวของขุนไกรพลพ่ายที่รับราชการทหาร มีภรรยาชื่อ นางทองประศรี โดยมีลูกชายด้วยกันชื่อ พลายแก้ว ครอบครัวต่อมาคือครอบครัวของขุนศรีวิชัย เป็นเศรษฐีใหญ่ของเมืองสุพรรณบุรี รับราชการเป็นนายกองกรมช้างนอก มีภรรยาชื่อ นางเทพทอง มีลูกชายชื่อว่า ขุนช้าง ซึ่งมีหัวล้านมาแต่เกิด และสุดท้ายเป็นครอบครัวของพันศรโยธา เป็นพ่อค้า มีภรรยาชื่อ ศรีประจัน มีลูกสาวรูปร่างหน้าตางดงามชื่อ นางพิมพิลาไลย
อยู่มาวันหนึ่งสมเด็จพระพันวษา ต้องการที่จะล่าควายป่า จึงได้สั่งให้ขุนไกรปลูกพลับพลาและต้อนควายเตรียมเอาไว้ แต่ควายป่าเหล่านั้นแตกตื่นไม่ยอมเข้าไปในคอก ในครั้งนั้นขุนไกรได้ใช้หอกแทงควายตายไปเป็นจำนวนมาก ส่วนควายป่าที่รอดชีวิตอยู่ก็หนีเข้าป่า สมเด็จพระพันวษาโกรธมากสั่งให้ประหารขุนไกรเสีย นางทองประศรีรู้ข่าวเข้าจึงรีบพาพลายแก้วหนีไปอยู่ที่เมืองกาญจนบุรี
ทางเมืองสุพรรณบุรี ได้มีพวกโจรจันศรขึ้นปล้นบ้านของขุนศรีวิชัยและฆ่าขุนศรีวิชัยตาย ส่วนพันศรโยธาได้เดินทางไปทำการค้าขายที่ต่างเมือง พอกลับมาก็เป็นไข้ป่าตายไป
ครั้นเมื่อพลายแก้วอายุได้ ๑๕ ปี ก็ได้บวชเณรเรียนวิชาอยู่ที่วัดส้มใหญ่ แล้วย้ายไปเรียนต่อที่วัดป่าเลไลย กาลต่อมาที่วัดป่าเลไลยได้จัดเทศน์มหาชาติขึ้น เณรพลายแก้วเทศน์กัณฑ์มัทรี ซึ่งนางพิมพิลาไลยเป็นเจ้าของกัณฑ์เทศน์ นางพิมเลื่อมใสเณรพลายแก้วเป็นอันมากถึงกับเปลื้องผ้าสไบบูชากัณฑ์เทศ์ ขุนช้างเห็นเช่นนั้นก็เปลื้องของตนวางเคียงกับผ้าสไบของนางพิม อธิฐานขอให้ได้นางมาเป็นภรรยา ทำให้นางพิมโกรธมาก ต่อมาเณรพลายแก้วก็สึกออกมาแล้วให้แม่ของตนซึ่งก็คือนางทองประศรีมาสู่ขอนางพิมและแต่งงานกัน
ทางกรุงศรีอยุธยาได้ข่าวว่ากองทัพเชียงใหม่ได้เมืองเชียงทองแตกแล้ว ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระพันวษาถามหาเชื้อสายของขุนไกร ขุนช้างซึ่งตอนนั้นได้รับราชการอยู่จึงเล่าถึงสามาราถของพลายแก้ว เพราะหวังที่จะพรากพลายแก้วไปจากนางพิม สมเด็จพระพันวษาจึงให้ไปตามตัวมาแล้วแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพไปรบกับเมืองเชียงใหม่และได้นำชัยชนะกลับมา นายบ้านแสนคำแมนแห่งหมู่บ้านจอมทอง เห็นว่าพลายแก้วกับพวกทหารไม่ได้ทำการสิ่งใดให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจึงยกนางลาวทองลูกสาวของตนให้ไปเป็นภรรยาของพลายแก้ว
ส่วนนางพิมพิลาไลย เมื่อสามีไปออกทัพได้ไม่นานนักก็ป่วยหนักรักษาเท่าไรก็ไม่หาย ขรัวตาจูวัดป่าเลไลยได้แนะนำให้ไปเปลี่ยนชื่อเป็นวันทอง อาการไข้จึงค่อยหาย ขุนช้างได้ทำอุบายหลอกนางวันทองโดยนำหม้อใส่กระดูกไปให้นางศรีประจันกับนางวันทองดู  พลางบอกว่าพลายแก้วตายแล้วและได้ขู่ว่านางวันทองจะต้องถูกคุมตัวไปเป็นม่ายหลวงตามกฎหมาย นางวันทองไม่เชื่อคำขุนช้างว่า แต่นางศรีประจันคิดว่าจริง ประกอบกับเห็นว่าขุนช้างนั้นเป็นเศรษฐีจึงบังคับให้นางวันทองแต่งงานไปกับขุนช้าง นางวันทองจำใจต้องทำตามแม่ แต่นางไม่ยอมเข้าหอ ขณะนั้นพลายแก้วได้กลับมาถึงกรุงศรีอยุธยาและได้บรรดาศักดิ์เป็นแผนแสนสะท้าน จากนั้นได้พานางลาวทองกลับไปที่สุพรรณบุรีนางวันทองเห็นขุนแผนพาภรรยาใหม่มาด้วยก็ด่าทอนางลาวทองและลืมตัวพูดก้าวร้าวกับขุนแผน ทำให้ขุนแผนโมโหมากจึงพานางลาวทองไปอยู่ที่กาญจนบุรี ส่วนนางวันทองก็ตกเป็นภรรยาของขุนช้างไป
ต่อมาขุนช้างและขุนแผนได้เข้าไปรับราชการในวังและได้มหาดเล็กเวรทั้งสองคน วันหนึ่งนางทองประศรีให้คนมาส่งข่าวกับขุนแผนว่า นางลาวทองป่วยหนัก ขุนแผนจึงฝากเวรไว้กับขุนช้างแล้วไปดูอาการของนางลาวทอง ในตอนเช้าสมเด็จพระพันวษาถามถึงขุนแผน ขุนช้างเท็จทูลไปว่าขุนแผนปีนกำแพงวังหนีไปหาเมีย สมเด็จพระพันวษาโกรธมากจึงสั่งให้นำตัวนางลาวทองมาขังไว้ในวัง ส่วนขุนแผนนั้นให้ไปตระเวนด่านห้ามเข้าวังอีก จึงทำให้ขุนแผนแค้นขุนช้างเป็นยิ่งนัก จึงคิดช่วงชิงนางวันทองกลับคืนมา จึงออกตามหาของวิเศษ ๓ อย่าง คือ ดาบฟ้าฟื้น กุมารทอง และม้าสีหมอก ขุนแผนเดินทางไปจนถึงซ่องโจรของหมื่นหาญก็ได้สมัครเข้าเป็นสมุน วันหนึ่งได้ช่วยชีวิตหมื่นหาญให้รอดพ้นจากการถูกวัวแดงขวิดตายเอาไว้ได้ หมื่นหาญจึงยกนางบัวคลี่ลูกสาวของตนให้ไปเป็นภรรยาของขุนแผน ต่อมาหมื่นหาญรู้ว่าขุนแผนมีวิชาอาคมที่สูงกว่าตนก็คิดกำจัด โดยสั่งให้นางบัวคลี่วางยาฆ่าขุนแผน แต่พรายของขุนแผนมาบอกให้รู้ตัวก่อน คืนนั้นพอนางบัวคลี่นอนหลับ ขุนแผนจึงผ่าท้องนางและควักเอาเด็กไปทำพิธีปลุกเสกให้เป็นกุมารทอง ต่อจากนั้นก็ทำพิธีตีดาบฟ้าฟื้นและได้ไปซื้อม้าลักษณะดีได้ตัวหนึ่ง ชื่อ ม้าสีหมอก แล้วขุนแผนก็เข้าไปที่บ้านของขุนช้างแล้วสะกดคนให้หลับจนหมดแล้วขึ้นไปบนบ้านแต่ไปเข้าห้องผิด จึงได้พบกับนางแก้วกิริยาและได้นางเป็นภรรยาในที่สุด หลังจากนั้นก็ไปปลุกนางวันทองพาขึ้นม้าแล้วหนีเข้าป่าไป ขุนช้างไปฟ้องสมเด็จพระพันวษา พระองค์ทรงให้ทหารตามจับตัวขุนแผนมา แต่ถูกขุนแผนฆ่าตายเสียซะส่วนใหญ่ ขุนแผนกับนางวันทองหลบซ่อนอยู่ในป่าจนนางตั้งท้องขึ้นมาจึงพากันออกมามอบและสู้คดีจนชนะคดี ขุนแผนนางวันทอง และนางแก้วกิริยาจึงอยู่ร่วมกันด้วยความสุข แต่ขุนแผนได้นึกถึงนางลาวทองจึงได้ขอร้องจมื่นศรีเสาวรักษ์ให้ขอตัวนางจากสมเด็จพระพันวษาทำให้พระองค์โกรธขุนแผนว่ากำเริบจึงสั่งให้จำคุกขุนแผนเอาไว้ นางแก้วกิริยาก็ตามไปปรนนิบัติขุนแผน ส่วนนางวันทองนั้นพักอยู่ที่บ้านของหมื่นศรี ขุนช้างได้พาพวกมาฉุดนางวันทองไปเป็นภรรยาอีกครั้ง ต่อมานางได้คลอดลูกชาย แล้วตั้งชื่อให้ว่าพลายงาม เมื่อขุนช้างรู้ว่าไม่ใช่ลูกตนก็เกลียดชังเป็นหนักหนา วันหนึ่งจึงหลอกพาเข้าไปในป่าแล้วทุบตีจนสลบแล้วเอาท่อนไม้ทับไว้ พรายของขุนแผนมาช่วยได้ทัน นางวันทองจึงให้พลายงามไปอยู่กับนางทองประศรีที่กาญจนบุรีพลายงามได้ร่ำเรียนวิชาของพ่อจนเชี่ยวชาญ ขุนแผนจึงได้พาไปฝากไว้กับหมื่นศรี เพื่อหาโอกาสให้เข้ารับราชการ
ทางฝ่ายพระเจ้าเชียงอินทร์ เจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้สั่งให้ทหารไปชิงเอาตัวนางสร้อยทองที่เป็นธิดาของพระเจ้าล้านช้างในระหว่างการเดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยา เพราะพระเจ้าล้านช้างต้องการเป็นไมตรีด้วยจึงได้ส่งธิดามาถวายตัว และพระเจ้าเชียงอินทร์ได้ส่งหนังสือท้าทายสมเด็จพระพันวษาอีกด้วย พลายงามเห็นโอกาสจึงอาสาออกไปรบ และขอให้ปล่อยขุนแผนออกจากคุกด้วย เพื่อจะได้ช่วยทำศึก ขุนแผนจึงพ้นโทษได้ ในขณะที่กำลังเตรียมทัพนางแก้วกิริยาก็คลอดลูกออกมาเป็นลูกชาย ขุนแผนตั้งชื่อให้ว่า พลายชุมพล แล้วขุนแผนกับพลายงามก็คุมทัพมุ่งสู่เชียงใหม่ ขุนแผนได้แวะไปเยี่ยมพระพิจิตรกับนางบุษบาซึ่งได้เคยให้ความช่วยเหลือตน เมื่อตอนที่ขุนแผนกับนางวันทองเข้ามอบตัวกับทางการ พลายงามจึงได้พบกับนางศรีมาลาและได้นางเป็นภรรยา จากนั้นก็คุมทัพไปรบกับเชียงใหม่แล้วได้ชัยชนะกลับมา ครั้นเมื่อกลับมาถึงกรุงศรีอยุธยา ขุนแผนได้เป็นพระสุรินฤาไชย เจ้าเมืองกาญจนบุรี พลายงามได้เป็นจมื่นไวยวรนาถ และสมเด็จพระพันวษาก็ยกนางสร้อยฟ้าที่เป็นธิดาของพระเจ้าเชียงอินทร์ให้แต่งงานกับพระไวยพร้อม ๆ กับนางศรีมาลา
พระไวยอยากให้แม่มาอยู่กับตนและคืนดีกับพ่อ จึงได้ไปลักพาตัวนางวันทองมา ขุนช้างโกรธแค้นเป็นยิ่งนักจึงไปฟ้องสมเด็จพระพันวษา จึงได้มีการไต่สวนคดีกันอีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดสมเด็จพระพันวษาก็ถามนางว่าจะเลือกอยู่กับใคร นางนั้นตัดสินใจไม่ได้ สมเด็จพระพันวษาจึงว่านางว่าเป็นหญิงสองใจจึงสั่งให้นำตัวไปประหารเสีย พระไวยขออภัยโทษได้ แต่ไปห้ามไม่ทัน
ในส่วนของครอบครัวพระไวยไม่สู้ราบรื่นนัก เพราะนางสร้อยฟ้าไม่พอใจที่พระไวยและนางทองประศรีรักนางศรีมาลามากกว่านาง จึงมักจะมีการทะเลาะกันอยู่เนื่องๆ นางสร้อยฟ้าเจ็บใจจึงให้เถรขวาดทำเสน่ห์ให้พระไวยหลงรักนาง แล้วนางสร้อยฟ้าก็หาเรื่องให้พระไวยตีนางมาลา พลายชุมพลเข้าไปห้ามก็ถูกตีไปด้วย พลายชุมพลถึงกับน้อยใจจึงหนีออกจากบ้านไปหาพ่อและแม่ที่กาญจนบุรีแล้วเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด แล้วไปหายายที่สุโขทัย และได้บวชเณรและเล่าเรียนอยู่ที่นั้น ฝ่ายขุนแผนรีบไปที่บ้านของพระไวย แล้วเสกกระจกมนต์ให้ดูว่าถูกทำเสน่ห์ แต่พระไวยหาได้เชื่อไม่ กลับหาว่าพ่อเล่นกลให้ดู และพูดลำเลิกบุญคุณที่ตนช่วยพ่อออกมาจากคุก ขุนแผนแค้นเป็นอันมากประกาศตัดพ่อตัดลูก แล้วกลับกาญจนบุรีทันที
พลายชุมพลเรียนวิชาจนสำเร็จแล้วก็นัดหมายกับขุนแผนจะแก้แค้นพระไวย โดยพลายชุมพลสึกออกจากเณรแล้วปลอมเป็นมอญ ใช้ชื่อ สมิงมัตรา ยกกองทัพหุ่นหญ้าเสกมาถึงสุพรรณบุรี สมเด็จพระพันวษา ให้ขุนแผนยกทัพไปต้านศึกไว้ แต่ขุนแผนแกล้งแพ้ให้ถูกจับ พระไวยจึงต้องยกทัพออกไปและต่อสู้กับพลายชุมพล ระหว่างที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น ขุนแผนบอกให้พลายชุมพลจับตัวพระไวยไว้ พระไวยเห็นพ่อเข้าก็ตกใจหนีไปฟ้องสมเด็จพระพันวษาพระองศ์จึงให้นางศรีมาลาไปรับตัวขุนแผนกับพลายชุมพลเข้าวัง พลายชุมพลอาสาจับเสน่ห์ โดยได้ขอหมื่นศรีไปเป็นพยานด้วย พลายชุมพลจับตัวเถรขวาดกับเณรจิ๋วไว้ได้ แล้วขุดเอารูปปั้นลงอาคมที่ฝั่งไว้ใต้ดินขึ้นมาเสน่ห์ที่ทำไว้จึงคลายลง ตกดึกเถรขวาดกับเณรจิ๋วสะเดาะโซ่ตรวนหนีไป ในการไต่สวนคดีนางสร้อยฟ้านั้น นางไม่ยอมรับว่าเป็นคนทำเสน่ห์ และได้ใส่ร้ายว่านางศรีมาลาเป็นชู้กับพลายชุมพล พอนางจับได้พลายชุมพลก็หนีไปยุยงขุนแผน จนในที่สุดก็ต้องมีการพิสูจน์ความบริสุทธิ์โดยการลุยไฟนางสร้อยฟ้าแพ้ถูกไฟลวกจนพุพองทั้วตัว ส่วนนางศรีมาลานั้นไม่เป็นอะไรเลย สมเด็จพระพันวษาจึงสั่งประหารนางสร้อยฟ้า แต่นางศรีมาลาช่วยขออภัยโทษให้ จึงถูกเนรเทศกลับไปอยู่ที่เชียงใหม่ตามเดิม ในระหว่างการเดินทางก็พบเถรขวาดกับเณรจิ๋ว จึงเดินทางไปด้วยกัน กลับถึงเชียงใหม่ได้ไม่นานนักนางก็ให้กำเนิดลูกชาย ชื่อ พลายยง ส่วนนางศรีมาลาก็คลอดลูกชายเช่นกัน ขุนแผนตั้งชื่อให้ว่า พลายเพชร
พระเจ้าเชียงอินทร์ ตั้งเถรขวาด เป็นพระสังฆราชเพื่อเป็นการตอบแทนความดีความชอบที่พานางสร้อยฟ้ากลับมาบ้านเมืองได้อย่างปลอดภัย แต่เถรขวาดยังมีความแค้นต่อพลายชุมพล จึงเดินทางมาที่กรุงศรีอยุธยา แล้วแปลงกายเป็นจระเข้เที่ยวอาละวาดฆ่าคนและสัตว์ไปเป็นจำนวนมาก พลายชุมพลจึงอาสาออกปราบจระเข้จนสำเร็จ ได้ตัวเถรขวาดมาประหารชีวิต พลายชุมพลได้บรรดาศักดิ์เป็นหลวงนายฤทธิ์ นับจากนั้นเป็นต้นมาทุกคนก็อยู่กันอย่างมีความสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น