หนูน้อยขันทองเดินออกมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางแสงจันทร์คืนวันเพ็ญ ครั้นเห็นกระเช้าใบเล็กๆ น่ารักลอยไปรวมกันเป็นกองใหญ่ ขันทองก็ช่วยเก็บกระเช้าที่ยังเหลืออยู่มารวมไว้จนหมดและนั่งดูด้วยความสนใจอยากจะได้ไปเล่นบ้าง แต่ไม่กล้าหยิบฉวยเอาตามอำเภอใจเพราะยังไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของ ทันใดนั้นหนูน้อยขันทองก็รู้สึกว่ามีมือเย็นๆ มาแตะที่เปลือกตา ทั้งนี้เพราะบรรดาพรายน้ำพึงพอใจในความเอื้อเฟื้อและซื่อสัตย์สุจริตจึงบันดาลให้ขันทองสามารถมองเห็นพวกเธอได้
หนูน้อยขันทองรู้สึกดีใจส่งยิ้มให้กับเหล่าพรายน้ำซึ่งมีใบหน้างดงาม ตัวขนาดตุ๊กตาคือสูงสักห้าสิบเซ็นติเมตร ทั้งสองฝ่ายต่างพูดคุยกันอย่างสนิทสนม พวกพรายน้ำได้เล่าเรื่องราวของกระเช้าใบเล็กๆ ให้ฟังว่ามันคือ กระเช้าสีดา เป็นผลของไม้เถาชนิดหนึ่ง โดยมีประวัติเกี่ยวข้องกับเรื่องรามเกียรติ์ด้วยแต่เดิมเป็นกระเช้าของนางสีดา ซึ่งทำตกไว้ในป่าระหว่างที่ถูกเจ้ายักษ์ทศกัณฐ์อุ้มนางเหาะหนีเพราะต้องการลักพาตัวไปจากพระราม เหล่าเทวดาเจ้าป่าเกรงว่ากระเช้าจะสูญหายไปจึงบันดาลให้งอกรากออกมากลายเป็นไม้เถาและมีผลสืบมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นที่ระลึกถึงนางสีดา
ก่อนจากกันพรายน้ำได้มอบกระเช้าสีดาให้หนูน้อยขันทองไว้เป็นที่ระลึก โดยให้เลือกหยิบเอาตามใจชอบ ขันทองอยากจะได้หลายๆ ใบเพื่อเอาไปฝากแม่และเพื่อนๆ แต่ก็เกรงใจหยิบขึ้นมาเพียงใบเดียวเท่านั้น เหล่าพรายน้ำจึงหยิบกระเช้าสีดาส่งให้ขันทองจนเต็มอุ้งมือ แล้วใช้มือแตะเปลือกตาของขันทอง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเหล่าพรายน้ำและกระเช้าสีดาที่กองอยู่ก็หายไปจนหมดสิ้น ขันทองจึงรีบกลับบ้านและเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้แม่ฟัง เธอรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้พบกับเหล่าพรายน้ำเพราะเชื่อฟังคำของแม่ที่อบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น